แชร์

ของจริงรึภาพลวงตา

อัพเดทล่าสุด: 9 ก.ย. 2024
37 ผู้เข้าชม
ของจริงรึภาพลวงตา

วันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา เป็นวันที่นักลงทุนต้องจดจำ เพราะมีสถิติใหม่เกิดขึ้นมากมาย คือเป็นวันที่หุ้นไทยพุ่งแรงที่สุดในโลก เงินบาทแข็งค่าที่สุดในเอเซีย ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยมูลค่ากว่า 7.5 พันล้านบาท และดัชนีฯ สามารถกลับมายืนหนือ 1,400 จุดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ซึ่งต้องย้อนกลับไปนานถึง 4 ปี ถึงจะเห็นวันที่หุ้นไทยขึ้นแรงได้ขนาดนี้ และยังบวกแรงต่อเนื่องขึ้นมาอีกในวันทำการถัดไป

               หลายคนคงมีคำถามว่า มันเกิดอะไรขึ้น เป็นของจริงที่บรรดานักลงทุนให้ความมั่นใจต่อต่อปัจจัยบวกใหม่ที่เกิดขึ้น ซึ่งก็คือการได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ได้กองทุนวายุภักษ์ที่จะเริ่มเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ เพื่อเป็นกลไกเสริมสร้างการออมและการลงทุน ตลอดจนเป็นการส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาตลาดทุน

               รึเป็นแค่ภาพลวงตาที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เพราะนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรใหม่ๆ ที่เป็นตัวดึงดูดแบบมีนัยสำคัญเข้ามา

               ช่วงตั้งแต่ประเทศไทยสามารถตั้งรัฐบาลจากการเลือกตั้งด้วยความพิสดารได้แล้วนั้น นักลงทุนต่างชาติพากันทิ้งความสนใจประเทศไทย จนมีศัพท์ที่นักลงทุนและนักธุรกิจไทยที่คร่ำหวอดอยู่ในภาคเอกชนมานานต้องตัวเย็นวาบเมื่อได้ยินคู่ค้าต่างชาติต่างก็พูดกันว่า เขา เซลไทยแลนด์ แล้ว

               ดังนั้น เมื่อนักลงทุนต่างชาติคิดไปในทิศทางเดียวกันคือ ต้องเทขายหุ้นไทย แล้วนำเงินออกไปลงในประเทศอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าไทย มีภาพการเมืองที่มั่นคง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักลงทุนต่างชาติต้องทำการเทขายหุ้นไทย

               เหตุที่นักลงทุนต่างชาติจึงพากันเทิ้งหุ้นไทย เพราะการเมืองไม่มั่นคง พรรคใหญ่สุดจากการเลือกตั้งโดนยุบ นายกรัฐมนตรีถูกศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาความผิดจนต้องกระเด็นคกจากเก้าอี้ แม้จะได้นายกรัฐมนตีคนใหม่ รวมถึงคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้เต็ม 100% เพราะดูเหมือนจะมีคลื่นใต้น้ำคอยตามถล่มให้เกิดความไร้เสถียรอยู่ตลอดเวลา จึงไม่มีใครคิดอยากเข้ามาลงทุนในเมืองไทยกันอีก

               อีกประเด็นที่สาคัญคือ ทุกวันนี้ความสามารถในการแข่งขันด้านการผลิตและการส่งออกของไทยสู้ใครเขาไม่ได้ จะปรับยังไงก็ยังหาวิธีแก้ไขกันไม่ได้ ไร้ซึ่งนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาสร้างสรรความน่าสนใจ  เพราะรัฐบาลนี้คิดทำอะไรต่ออะไรมั่วซั่วไปหมด หวังพึ่งพาแต่ภาคการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว

               ประเทศที่ประชาชนระดับล่างไม่มีทางหารายได้เพิ่มขึ้นได้แต่ต้องจมปลักอยู่ในกองหนี้จนหนี้ครัวเรือนสูงเกือบเท่า GDP ของไทย ถือว่าสูงมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศในระดับพอๆกัน

               อีกทั้งเมื่อตลาดทุนและตลาดเงินถูกต่างชาติถอยหนีออกไป ทำให้คนระดับเศรษฐีของไทยจำนวนไม่ใช่น้อยต้องเหงื่อไหลไคลย้อย บางรายถึงกับพยายามหาวิธีโกงให้รวย โดยการโกงผู้ถือหุ้น โกงแหล่งเงินที่สนับสนุนพวกเขาในตลาดหุ้นกู้หรือตลาดตราสารหนี้ มีมากรายที่หาเงินมาจ่ายค่าดอกเบี้ยไม่ได้ จนถึงขั้นต้องล้มเลิกธุรกิจและถูกฟ้องร้องให้ได้ยินกันถี่ขึ้น

               ดังนั้น จงอย่าได้ชะล่าใจ ต้องมองให้ออกว่า ตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมา เป็นของจริงรึแค่ภาพลวงตาเท่านั้น

***************  

บทความที่เกี่ยวข้อง
MPJ ให้ข้อมูลนักลงทุนสถาบัน
MPJ ผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจร เดินสายให้ข้อมูลนักลงทุนสถาบัน ก่อนเสนอขาย IPO จำนวน 53 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai คาดส่งหุ้นลงกระดานเทรดได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
17 ต.ค. 2024
SAK รุกธุรกิจโซลาร์ รูฟท็อป
SAK เดินหน้าขยายไลน์ธุรกิจ จัดตั้งบริษัทย่อย "ศักดิ์สยาม โซลาร์ เอ็นเนอร์ยี่" รุกธุรกิจโซลาร์ รูฟท็อป สำหรับที่อยู่อาศัย มอบประสบการณ์เข้าถึงพลังงานสะอาดให้กับประชาชน เชื่อมต่อการให้บริการสินเชื่ออย่างไร้รอยต่อ เข้าถึงง่าย รวดเร็ว
17 ต.ค. 2024
WICE เดินหน้าขยายฐานโลจิสติกส์
WICE เล็งขยายฐานธุรกิจ ศึกษาแผนลงทุนแดนอิเหนา เวียดนาม พร้อมปรับคาดการณ์รายได้จากต่างประเทศขึ้นเป็น 70% เผยอ้าแขนรับอานิสงส์หลังจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จากการที่มีบริษัทย่อยในแดนมังกร ย้ำผลงานปี 2567 มั่นใจเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
17 ต.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy