มองเทรนด์ทองคำยังพุ่งต่อเนื่อง
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับขึ้นไปทำระดับสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปรับตัวขึ้นทำ All Time High อีกครั้ง ที่ระดับ 2,640 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ (ณ วันที่ 24 กันยายน 2567) ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% อยู่ที่ระดับ 41,000 บาทต่อบาททองคำ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาทองคำในประเทศนั้น แม้ว่าจะไม่ได้ปรับตัวขึ้นอย่างหวือหวา เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากเงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทุกครั้งที่เงินบาทแข็งค่า 10 สตางค์ จะส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศลดลง 90-120 บาทต่อบาททองคำ แต่ถึงอย่างนั้นราคาทองในประเทศก็ยังมีทิศทางปรับตัวขึ้นตามราคาทองคำในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มดังกล่าวจึงส่งผลให้ปัจจุบันมีกระแสเรื่องทองปลอมส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้น
ดังนั้น จึงแนะนำแนะนำการสังเกตทองคำ ดังนี้ สังเกตที่สีของทองต้องไม่ผิดเพี้ยน โดยเฉพาะสีคราบตรงรอยต่อ ไม่มีรอยถลอก รอยลอก เลือกซื้อทองคำกับผู้ค้าที่มีความน่าเชื่อถือไว้ใจได้ และสังเกตตราประทับสัญลักษณ์ของร้านทองต้องชัดเจน ตรวจสอบน้ำหนักทองคำให้ตรงกับจำนวนที่ซื้อ ขนาดทองคำต้องสัมพันธ์กับราคาทอง รวมถึงต้องขอใบเสร็จรับรองน้ำหนักทองคำจากผู้ขายทุกครั้ง ไม่ซื้อทองคำที่ราคาต่ำกว่าราคาที่สมาคมค้าทองคำประกาศ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเป็นทองปลอม ทองคำแท้ไม่ดูดแม่เหล็ก เนื้อทองคำจะอ่อน รวมถึงเนื้อทองคำต้องไม่มีสิ่งปลอมปนทำให้ตัวทองคำบิดเบี้ยว ทองคำแท้หากแช่กรดไนตริก จะไม่มีการเกิดปฏิกิริยาใดๆ ไม่เปลี่ยนสี หรือหลอมละลาย
สำหรับทองคำที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทยนั้น มี 2 มาตรฐาน แบ่งเป็นทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% และทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 99.99% ซึ่งราคาทองคำทั้ง 2 ประเภทนี้จะแตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนซื้อจะต้องสอบถามกับทางร้านค้าให้แน่ใจว่าเป็นทองมาตรฐานใด
นอกจากนี้ รูปแบบของการจำหน่ายทองคำกายภาพ ยังมีทั้งที่เป็นทองคำแท่งที่เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ขนาดเล็กเพียง 1 กรัม ที่ทาง YLG จัดจำหน่ายในรูปแบบการ์ดทองคำ จำหน่ายในราคาหลักพัน ไปจนถึงทองคำแท่ง น้ำหนัก 1 บาท ส่วนทองคำรูปพรรณนั้น มีทั้งแบบที่เป็นเครื่องประดับ และแบบที่เป็นทองคำรูปแบบพิเศษ เช่น ปี่เซียะ กิมตุ้ง หรือเหรียญทองคำปีนักษัตรสำหรับสะสม เป็นต้น
*****************