PTG ร่วมหนุนเกษตรกร "ชีวิตอยู่ดีมีสุข"
PTG ร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ กรมป่าไม้ พร้อมด้วย ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้า หนุนเกษตรกรมีชีวิตอยู่ดีมีสุข ส่งตรงสู่ "กาแฟพันธุ์ไทย" รวมทั้งพืชเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมทางสภาพแวดล้อมและชุมชน เพื่อสร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้มีรายได้และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมป่าไม้ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินโครงการการ พัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าและพืชเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ในพื้นที่ที่มีความเหมาะ สมทางสภาพแวดล้อมและชุมชนในประเทศไทยเพื่อร่วมสร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ผลิตกาแฟมีรายได้และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่งตรงร้านกาแฟพันธุ์ไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่ป่า และส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าและพืชเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เพื่อรักษาป่าเดิม เพิ่มป่าใหม่ เพื่อให้ประเทศได้มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เกษตรกรมีรายได้และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่สำคัญยังได้กาแฟอราบิก้าคุณภาพดีตรงตามความต้องการของตลาด โดยจะนำเอาเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพและได้คุณสมบัติตามมาตรฐานส่งมอบให้กับ PTG เพื่อส่งต่อให้กับบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด (ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ PTG) รวมถึงรับซื้อผลผลิตกาแฟอาราบิก้า หรือพืชเศรษฐกิจจากเกษตรกรตามคุณภาพ ปริมาณ และราคาอีกด้วย
สำหรับบทบาทของ PTG ในการลงนามความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ คือ PTG ร่วมส่งเสริมและสนับ สนุนองค์ความรู้ในการปลูก การแปรรูปกาแฟ หรือพืชเศรษฐกิจอื่นๆ พร้อมทั้งรับซื้อผลผลิตกาแฟ หรือพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ได้คุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดในราคามาตรฐาน เป็นธรรมและยั่งยืน พร้อมทั้งสนับสนุนองค์ความรู้และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนากระบวนการรับซื้อผลผลิต การคัดคุณภาพเมล็ด และการตรวจสอบย้อนกลับ รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิตกาแฟและพืชเศรษฐกิจ ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์จากพื้นที่ ส่งเสริมเป้าหมายและร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อการจัดจำหน่ายในบริษัทและบริษัทในกลุ่ม รวมถึงส่งเสริมด้านตลาดให้แก่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นตามความต้องการของลูกค้า และความสามารถในการแข่งขันด้านผลิตภัณฑ์และราคา
ส่วนความร่วมมือกับกรมป่าไม้ PTG สนับสนุนด้านงบประมาณ เพื่อดำเนินการจัดหา ปลูกกาแฟ และปลูกไม้ป่าในพื้นที่โครงการสร้างป่า สร้างรายได้ ที่กรมป่าไม้จัดเตรียมให้ เพื่อการปลูกและบำรุงรักษาป่าอย่างต่อเนื่อง รวมระยะเวลา 3 ปี พร้อมทั้งพัฒนาระบบการผลิตกล้ากาแฟพันธุ์ดี ให้ความรู้เกี่ยวกับการขยายพันธุ์ และดูแลกล้ากาแฟอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงร่วมกันพัฒนารูปแบบ การสร้างกระบวนการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตด้านเศรษฐกิจและสังคม ควบคู่กับการพัฒนาเพื่อ เพิ่มพื้นที่ป่าถาวรในชุมชน นอกจากนี้ ยังร่วมกันสนับสนุนการ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานปลูกและบำรุงรักษาป่าในด้านผลกระทบเชิงสังคม ด้านการเจริญเติบโตและปริมาณการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกของต้นไม้และพื้นที่ป่า
ด้านความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) PTG สนับสนุนด้านการตลาด การประชาสัมพันธ์และข้อมูล เพื่อเป็นกรอบในการวางแผนการผลิตให้กับวิสาหกิจชุมชน รวมถึงจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ร่วมกับชุมชนในพื้นที่ (CSR) และเผยแพร่ความรู้และเทคนิคต่างๆ เกี่ยวกับการปลูกกาแฟหรือพืชเศรษฐกิจแก่เกษตรกร พร้อมทั้งจัดหากล้าไม้ยืนต้น ต้นกล้ากาแฟบางส่วน และต้นกล้าของพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ที่สำคัญนำเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ และคุณสมบัติตามมาตรฐานเพื่อส่งมอบให้กับ PTG ในนามบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด (ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ PTG) พร้อมรับซื้อผลผลิตกาแฟอาราบิก้า หรือพืชเศรษฐกิจจาก เกษตรกรตามคุณภาพ ปริมาณ และราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยบริษัทกาแฟพันธุ์ไทย จำกัด
หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล เลขาธิการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ดำเนินงานโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2531 โดยการน้อมนำแนวพระราชดำริเพื่อแก้ไข ปัญหาการปลูกพืชเสพติด ความยากจนและพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนเป้าหมาย ผ่านการสร้างอาชีพทางเลือกสุจริตต่างๆ โดยเฉพาะการปลูกป่าเศรษฐกิจ ควบคู่กับการส่งเสริมผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนด้านเศรษฐกิจและสังคม และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างเป็นองค์รวมประเมิน ความเหมาะสมของพื้นที่ และส่งเสริมการปลูกและแปรรูปกาแฟ และพืชเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ PTG ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลป่าพัฒนาชุมชน และส่งเสริมเกษตรกรท้องถิ่น และมีนโยบายในการเพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟหรือพืชเศรษฐกิจตามความเหมาะสมของพื้นที่ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่า และป่าเศรษฐกิจในพื้นที่เป้าหมาย อันจะก่อให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต อีกทั้งมีความตั้งใจที่จะนำวัตถุดิบจากพื้นถิ่นไทยมาใช้ ในร้านค้า ภายใต้การบริหารงานของ PTG เพื่อสนับสนุนการเกษตรอย่างยั่งยืน ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า แต่ละฝ่ายต่างมีเป้าหมายการดำเนินงานในทิศทางเดียวกัน และมีความตั้งใจที่สอดคล้องต้องกันในการพัฒนาพื้นที่ โดยการส่งเสริมและฟื้นฟูพื้นที่เป้าหมาย ผ่านการดำเนินงานแบบผสมผสาน เช่น การปลูกป่า การปลูกกาแฟหรือพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ และสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบจากงานพัฒนาทางเลือกและสนับสนุนชุมชน ตลอดจนร่วมพัฒนาการ ส่งเสริมและต่อ ผลิตภัณฑ์จากชุมชนในพื้นที่เป้าหมายที่ได้ตกลงทำงานร่วมกัน ทุกฝ่ายจึงตกลงทำบันทึกข้อตกลงความ ร่วมมือกันในครั้งนี้
ด้านนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงบทบาทของกรมป่าไม้ในความร่วมมือครั้งนี้ว่า กรมป่าไม้จะสนับสนุนพื้นที่โครงการสร้างป่าสร้างรายได้ ตามแนวพระราชดำริ จำนวน ไม่น้อยกว่า 50,000 ไร่ เพื่อการปลูกและบำรุงรักษาป่า พร้อมทั้งสนับสนุนด้านข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และประสานงานกับ PTG หน่วยงาน ชุมชน รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามความเหมาะสม เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ประจำโครงการสร้างป่าสร้างรายได้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ เพื่อให้คำแนะนำ การจัดหาพื้นที่โครงการสร้างป่าสร้างรายได้ และการประสานงานกับชุมชนในพื้นที่
นายณรงค์ ขันติวิริยะกุล รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า หน้าที่ของ ธ.ก.ส. จะประเมินความพร้อมและศักยภาพของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในพื้นที่ ทั้งด้านความตั้งใจในการเข้าร่วมโครงการ รวมถึงความพร้อมทางด้านการเงิน รวมถึงสนับสนุนแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมกับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อให้โครงการดำเนินไปได้ตามแผน ทั้งนี้ ภาย ใต้กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของ ธ.ก.ส. และเป็นไปตามเงื่อนไขที่ ธ.ก.ส. กำหนด นอกจากนี้ ยังหาช่องทางในการพัฒนาสินค้าจากผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อเชื่อมโยง กับตลาดที่ PTG รองรับ
***************************