SUPER ชำระคืนหุ้นกู้ พร้อมดอกเบี้ยตามนัด

SUPER เตรียมความพร้อมนำเงินสดชำระคืนหุ้นกู้ พร้อมดอกเบี้ย วงเงินหุ้นรวม 1,500 ล้านบาท ตามกำหนดครบกำหนดไถ่ถอน สะท้อนสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมนำเงินที่ได้ไปใช้ตามแผนงาน เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ การันตีสร้างรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี

 

               นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมความพร้อมในการชำระคืนหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/64 ประเภทมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และไม่สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.90% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 21 ตุลาคม 2567 จำนวน 1,500 ล้านบาท โดยชำระคืนพร้อมดอกเบี้ยให้กับผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหมด รวมมูลค่าหลังหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว  1,516.374 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถไถ่ถอนได้ตามกำหนด และถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงินได้เป็นอย่างดี

               "ที่ผ่านมาบริษัทได้จ่ายดอกเบี้ยและคืนเงินหุ้นกู้ครบตามกำหนดทุกชุด โดยให้ความสำคัญกับการเสนอขายหุ้นกู้ในแต่ละครั้ง มีการจัดสรรอย่างเหมาะสมกับแผนการดำเนินธุรกิจ การบริหารจัดการทางการเงินด้วยความละเอียดรอบคอบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัททุกราย ล่าสุดหุ้นกู้ชุดนี้ได้วงเงินกู้จากแบงก์กรุงเทพ และเงินทุนหมุนเวียนบริษัท และถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างถูกต้องและโปร่งใส เพื่อเสริมสร้าง และพัฒนาโครงการต่างๆ ตามแผนธุรกิจที่วางไว้"

               ส่วนแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2567 ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ต่อเนื่อง และมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในปีนี้รวม 1,656.11 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน เตรียมความพร้อมขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศไเพิ่มอีก 300-500 เมกะวัตต์ ตามแผนการรับซื้อไฟของ กกพ. ที่คาดว่าจะเปิดรับซื้อไฟภายในปี 2567 และโครงการการขยายงานสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) โครงการ SPP HYBRID เป็นต้น ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตในอนาคตอย่างแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือรวม 2,353.79 เมกะวัตต์ COD แล้ว 1,626.11 เมกะวัตต์ และเพิ่มกำลังการผลิตเชิงพาณิชย์เป็น 2,200 เมกะวัตต์ ในปี 2570

*************************