NDR เดิยหน้าจัดตั้งบริษัทย่อย "เอ็กซ์โทรนิค" หลังเสร็จสิ้นกระบวนการหุ้นเพิ่มทุน PP ให้กับ EG บริษัทยักษ์ใหญ่ในมาเลเซีย พร้อมเดินหน้าลุยตลาดอิเล็กทรอนิกส์ Testing Center ชี้ตลาดมีศักยภาพเติบโตสูง ตามเทรนด์เทคโนโลยี เผยเริ่มมีออเดอร์ไหลเข้า มั่นใจช่วยเสริมทัพธุรกิจ กระจายพอร์ตรายได้ สร้างความยั่งยืนในอนาคต
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี. รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR ผู้ผลิตและจำหน่ายยางนอกและยางในรถจักรยานยนต์ภายใต้แบรนด์ N.D.Rubber เปิดเผยว่า การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 110 ล้านหุ้นให้กับบริษัท EG Industries Berhad หรือ EG ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย EG เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย ประกอบธุรกิจโดยมีรายได้มาจากการเข้าลงทุนธุรกิจและบริการเกี่ยวกับอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจหลังจากมีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามานั้น บริษัทได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อยคือ บริษัท เอ็กซ์โทรนิค จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยทำหน้าที่เป็น Testing Center สำหรับอุปกรณ์ระบบ 5G ซึ่งปัจจุบันบริษัทย่อยเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาแล้ว โดยการจัดตั้งบริษัทย่อยนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในอนาคต
ทั้งนี้ ปัจจุบันโลกอยู่ในช่วงยุคแห่งเทคโนโลยี ซึ่งนับว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และจากการที่บริษัทมีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งคือ EG Industries Berhad (EG) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำ ติดอันดับ Top 3 ในประเทศมาเลเซีย และมีรายได้จากกลุ่ม 5G ทั้งในประเทศและการส่งออก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนและผลักดันการเติบโตของบริษัทได้อย่างยั่งยืน
"บริษัทย่อยแห่งใหม่นี้ จะตรวจสอบและทดสอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่รองรับระบบเครือข่าย 5G และอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตไร้สาย เพื่อเจาะตลาด 5G ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัท และกระจายธุรกิจไปสู่พื้นที่การเติบโตที่สำคัญในอนาคต"
ส่วนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายยางในและยางนอกรถจักรยานยนต์ บริษัทมีแผนการขยายพอร์ตสินค้า High Margin มากขึ้น และให้ความสำคัญเรื่องการควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการปรับโครงสร้างการขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงให้มีสัดส่วนมากขึ้น โดยคาดว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้น่าจะสามารถพลิกฟื้นกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ โดยวางเป้ารายได้อยู่ที่ราว 900 ล้านบาท
*******************