แชร์

ราคาทองมาไกล แต่ยังมีลุ้นไปได้ต่อ

อัพเดทล่าสุด: 30 ต.ค. 2024
39 ผู้เข้าชม

YLG ประเมินราคาทองคำปีนี้มาไกลมาก แต่ยังมีลุ้นขึ้นได้อีกถึง 2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือ 45,600 บาทต่อบาททองคำ หากมีปัจจัยหนุนที่มากพอ ทั้งเฟดลดดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% และเหตุปะทะในตะวันออกกลาง รวมไปถึงความผันผวนจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ

               ระยะสั้นมองเทรนด์ทองแกว่งตัวรอผลการประชุมเฟด และผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ สัปดาห์หน้าแนะเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง แบ่งขายทำกำไรที่โซน 2,800-2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และหาจังหวะซื้อกลับที่ 2,724-2,708 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์

               นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ปี 2567 ราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง นับจากต้นปีราคาทองคำอยู่ที่บริเวณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ในปีนี้ราคาทองคำจึงปรับตัวมาแล้วกว่า 750 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งถือว่าปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

               อย่างไรก็ดี มองว่าปีนี้แม้จะเหลือเวลาอีกประมาณ 2 เดือน ยังมองว่า ทองคำมีโอกาสปรับขึ้นได้อีกเล็กน้อย แต่หากมีปัจจัยสนับสนุนที่แรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เช่น ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในรอบถัดไปที่ 0.25% หากผลออกมาพบว่าปรับลดลงมากกว่าที่คาดก็จะสนับสนุนให้ทองคำไปได้ถึง 2,800-2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ รวมถึงหากมีปัจจัยความไม่สงบหรือเหตุปะทะในตะวันออกกลางบานปลาย ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้นไปได้เช่นกัน  ทั้งนี้ ในสัปดาห์จะมีการเลือกตั้งสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่เพิ่มกรอบการแกว่งตัวให้ราคาผันผวนมากขึ้น  ขณะที่ เป้าหมายของราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 44,800-45,600 บาทต่อบาททองคำ

               สำหรับประเด็นเรื่องการเลือกตั้งสหรัฐฯ นั้น มองว่าภาพรวมยังคาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากผลการเลือกตั้งยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งหากผลออกมาว่า ฝั่งพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง ภาพรวมทิศทางทองคำน่าจะดำเนินต่อไปเช่นในปัจจุบัน เนื่องจากทางพรรคน่าจะยังคงการเดินนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่หากพรรครีพับลิกันชนะจะยังไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางของตลาดทองคำได้ เพราะมีโอกาสเป็นได้ทั้งการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนโยบายของพรรคจะเป็นการชูแคมเปญอเมริกาต้องมาก่อน ซึ่งจะทำให้เกิดการขึ้นภาษีประเทศคู่ค้า และนโยบายที่ทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ซึ่งอาจจะทำให้เงินเฟ้อกลับมา ดังนั้น นโยบายลดดอกเบี้ยอาจจะต้องชะงักไว้ ซึ่งจะกดดันทองคำ แต่หากภาพรวมเศรษฐกิจมีความน่ากังวลทองคำก็จะกลับมาพุ่งแรงได้เช่นกัน

               อย่างไรก็ดี ก่อนจะถึงวันเลือกตั้งและวันประชุมของเฟด ทิศทางทองคำจะเป็นลักษณะแกว่งตัวในกรอบ นักลงทุนสามารถเก็งกำไรระยะสั้น โดยมองแนวต้านที่โซน 2,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวรับที่ 2,724-2,708 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แนะนำให้นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากราคาทองคำปีนี้ปรับตัวขึ้นมาไกลมากแล้ว หากทองคำไปถึงแนวต้านแนะนำให้แบ่งขายทำกำไร และหากราคาขยับไปถึงเป้าหมาย 2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ให้ระวังแรงขายรอบใหญ่

**************************


บทความที่เกี่ยวข้อง
IND คว้าบิ๊กโปรเจค มูลค่า 1.41 พันล.
IND รับงานใหม่เพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดคว้าโปรเจคที่ปรึกษาบริหารโครงการและควบคุมงาน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม จาก รฟม. มูลค่ากว่า 1,413 ล้านบาท ดัน Backlog พุ่งแตะ 3,077.68 ล้านบาท ระบุถือเป็นอีกหนึ่งโปรเจคที่ต่อยอดธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งและเติบโตมากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
4 ธ.ค. 2024
MEDEZE ขยายฐานระบบเพาะเลี้ยงเซลล์
MEDEZE ก้าวอีกขั้นสู่การเป็นผู้นำด้านสเต็มเซลล์ ร่วมลงนามสัญญากับ "ชิบุยะ คอร์ปอเรชั่น" หนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีในการซื้อระบบเพาะเลี้ยงเซลล์อัตโนมัติ ระบบอัจฉริยะเสริมศักยภาพธนาคารเซลล์แห่งโลกอนาคต ตอกย้ำความเป็นหนึ่งในผู้นำในการพัฒนาและนำเสนอโซลูชั่นด้านสเต็มเซลล์ที่โดดเด่นทั้งในไทย และภูมิภาค
3 ธ.ค. 2024
JPARK เปิดอาคารจอดรถ รพ. พระนั่งเกล้า
JPARK เปิดกระเป๋ารอรับผลการขยายฐานธุรกิจ ล่าสุดเปิดให้บริการ อาคารจอดรถ "JPARK กาญจนสุข" รวมทั้งพื้นที่เชิงพาณิชย์ รพ.พระนั่งเกล้า อย่างเป็นทางการ รับรู้รายได้ทันที ดันยอดบริหารช่องจอดรถแตะ 40,000 ช่อง พร้อมยืนยันผลงานปี 67 โตตามเป้า
3 ธ.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy