ม่อนหมอกตะวัน ที่เที่ยวตาก มิตรภาพในเส้นทางชวนฝัน
ในเส้นทางแห่งความประทับใจ สิ่งหนึ่งที่อยากบอกเมื่อออกเดินทางคือ การร่วมเป็นแขกที่น่ารักสำหรับเจ้าบ้านและสิ่งรอบข้างโดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยงทางธรรมชาติ ทรัพยากรของเมืองไทยที่ทุกคนอยากให้สวยงามสดใสไปอีกนานๆ
เช่นเดียวกับ ม่อนหมอกตะวัน บ้านป่าหวาย อ.พบพระ จ.ตาก 1 ใน Unseen New Siries โดย ททท. ที่ราบบนดอยสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1,100 เมตร เดิมคือแหล่งทำการเกษตรของขาวเขาเผ่าม้ง
เมื่อเหล่าชาวแคมป์เข้าไปเห็นและเข้าไปกางเต้นท์ นอนชมหมอกหยอกดาว จนเรื่องราวความสุขส่งต่อกันไป ชาวบ้านจึงรวมตัวเป็น วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนหมอกตะวัน เปิดให้บริการที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร ภายใต้แนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ที่นี่จึงเหมาะกับผู้ที่รักธรรมชาติ มาแล้วต้องช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อม
ระบบไฟฟ้าของที่นี่ใช้โซลาร์เซลล์เป็นหลัก จึงต้องช่วยกันประหยัดไฟ ไม่นำอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกินความจำเป็นขึ้นมาใช้งาน หลังสี่ทุ่มต้องงดใช้เสียงอย่างเด็ดขาด
พื้นที่บนดอยกว่า 300 ไร่ ในมุมมองแบบ 360 องศา เราสามารถชมความงดงามของแสงแห่งวันได้ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น ไฮไลต์สำคัญคือการมาชมหมอกตลอดฝนไปจนหนาว ส่วนหน้าแล้งอากาศก็ยังเย็นสบาย
สำหรับทางขึ้นม่อนหมอกตะวันจากทางแยกบริเวณป้ายน้ำตกป่าหวายมาอีกประมาณ 13 กิโลเมตร ค่อนข้างแคบและสูงชัน เป็นถนนคอนกรีตผสมลูกรัง ดังนั้น ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับรถเล็ก
ผลผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ของเกษตรกรชาวม้งคือ ข้าวม้ง หรือ ข้าวดอย ที่ปลูกอยู่ตามไหล่เขา นอกจากนั้น ยังมีวิถีชีวิตที่น่าสนใจ เช่น การทอผ้าด้วยใยกัญชง และเมนูอร่อยได้สุขภาพอย่าง ไก่ต้มสมุนไพร วิถีชีวิตแบบนี้จะอยู่ในหมู่บ้าน ถ้าอยากให้ยกมาโชว์บนม่อนหมอกตะวันต้องติดต่อล่วงหน้าเท่านั้น (มีค่าใช้จ่าย) สอบถามได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เฟสบุ๊กเพจ ม่อนหมอกตะวัน-Mon mok tawan ดอยป่าหวาย
สำหรับเมนู ไก่ต้มสมุนไพร ยังหาชิมได้ไม่ยากที่ร้าน ญั่งสูฟาร์ม ใกล้กับทางขึ้นม่อนหมอกตะวัน ร้านอาหารในสวนดอกไม้ เจ้าของเป็นชาวม้งที่อาศัยอยู่มานาน จึงมีสูตรอาหารอร่อยแท้ สด สะอาด ปลอดภัย พร้อมไมตรีเยี่ยม
ด้วยความเป็นมิตร ทั้งจากผู้คนและสิ่งแวดล้อม จึงอยากให้ทุกคนได้มีโอกาสสร้างสรรค์ช่วงเวลาดี ๆ เหล่านี้ร่วมกัน
***********************
เรื่อง/ภาพ
By : heartChill
*************