TPCH ปันผลระหว่างกาล 0.128 บ./หุ้น
TPCH เปิดผลงานงวด 9 เดือนปี 67 มีกำไรสุทธิ 254.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ 8 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตรวม 90.2 เมกะวัตต์ พร้อมสั่งแจกปันผลระหว่างกาล 0.128 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD 19 พฤศจิกายนนี้
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 254.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.55 ล้านบาท หรือ 49.86% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 169.60 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,849.54 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิ 67.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.95 ล้านบาท หรือ มากกว่า 100% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 30.32 ล้านบาท และมีรายได้รวม 622.49 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้กำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทสามารถรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวลและประเภทเชื้อเพลิงขยะ จำนวน 8 แห่ง กำลังการผลิตรวม 90.2 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG มีกำลังการผลิตติดตั้ง 80.7 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ นนทบุรี (SPNT) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์
"ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนของปีนี้ บริษัทสามารถทำกำไรออกมาได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลและโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ รวม 8 แห่งได้ตามปกติ รวมทั้งมีการบริหารต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น" นางกนกทิพย์ กล่าว
จากผลการดำเนินงานดังกล่สาว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดให้กับผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.128 บาท กำหนดขึ้นเครทื่องหมาย XD วันที่ 19 พฤศจิกายน และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 4 ธันวาคม 2567
ด้านนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในประเทศ บริษัทมีการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ หนองสาหร่าย (SPNS) มีกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ นากลาง (SPNK) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ล่าสุดได้ร่วมลงนามสัญญาติดตั้งเครื่องจักรของโครงการเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรได้ภายในไตรมาส 1/68 ขณะเดียวกัน บริษัทกำลังพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เพิ่มประมาณ 4 โครงการ ประกอบด้วย SP4-SP7 เป็นโครงการพลังงานขยะชุมชนในรูปแบบ VSPP (Very Small Power Producer)
สำหรับการลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนในต่างประเทศ โดยพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว ซึ่งเข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท แม่โขง พาวเวอร์ จํากัด (MKP) ในสัดส่วน 40% มูลค่า 12.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบธุรกิจผลิต และจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว นั้น ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) เรียบร้อยแล้ว โดยมีระยะเวลา 25 ปี นับจากวันที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD)
ทั้งนี้ ปัจจุบันได้มีการปรับพื้นที่เพื่อเตรียมก่อสร้าง และได้เริ่มงานด้านโครงสร้างและรั้วกั้นโซนติดตั้งสถานีไฟฟ้า (Substation) รวมถึงได้เซ็นสัญญางานวิศวกรรม งานจัดซื้อ และงานก่อสร้ากับผู้รับเหมาจากประเทศจีน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างอย่างเป็นทางการได้ในช่วงไตรมาส 1/68 และยังมีแผนที่จะส่งไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ไปจำหน่ายในประเทศเวียดนามอีกหนึ่งโครงการฃ
ส่วนการลงทุนในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต โดยตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ประมาณ 180-200 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานลม ประมาณ 50-100 เมกะวัตต์
"TPCH ยังคงเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตรวม 500 เมกะวัตต์ ในปี 2569 แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าในประเทศ 150 เมกะวัตต์ ทั้งโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานชีวมวล และโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานขยะ รวมถึงโครงการในต่างประเทศ เป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม 350 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 110 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล 80.7 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ 29.3 เมกะวัตต์" นายเชิดศักดิ์ กล่าว
************************