AGE ปิดดีลขายหุ้นกู้ มูลค่า 580 ล.

AGE เผยหุ้นกู้ใหม่ 3 ชุด วงเงิน 580 ล้านบาท ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ขายได้หมดทั้งจำนวน ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัท รวมทั้งผลการดำเนินงานที่สามารถพลิกเทิร์นอะราวด์ พร้อมตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ที่ 17,000 ล้าน เติบโต 15-20% ขณะที่รายได้ใน 3-5 ปีข้างหน้าคาดแตะระดับ 2 หมื่นล้าน

               นางสาวปณิตา ควรสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการออกขายหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุด มูลค่ารวมกว่า 580 ล้านบาท ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนรายใหญ่เป็นจำนวนมาก โดยนักลงทุนแสดงความจำนงในการจองหุ้นกู้ของบริษัทมากกว่าจำนวนหุ้นกู้ที่เสนอขาย ส่งผลให้บริษัทสามารถออกหุ้นกู้ได้เต็มจำนวนในวงเงิน 580 ล้านบาท ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท

               ขณะที่แนวโน้มผลงานของบริษัทในปี 2568 จะกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน จากราคาถ่านหินที่มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยตั้งเป้าปริมาณการขายถ่านหินที่ 4.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่ 3.8 ล้านตัน พร้อมขยายธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจพลังงานยั่งยืน RDF และธุรกิจเอจีอี เวนเจอร์ส ที่ดำเนินงานเกี่ยวกับรถยนต์ EV และดันธุรกิจโลจิสติกส์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

               สำหรับธุรกิจถ่านหิน คาดว่ารายได้ในปี 2568 จะอยู่ที่ 13,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 600-1,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรปีละ 150-250 ล้านบาท ส่วนธุรกิจพลังงานยั่งยืน (ABM) หลังจากการเข้าซื้อหุ้นบริษัท กรีน อาร์ดีเอฟ จำกัด (GRDF) และ QTC คาดว่า รายได้ปี 2568 จะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจเอจีอี เวนเจอร์ส คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ 1,000-1,500 ล้านบาท

               ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 2568 ไว้ที่ 100-120 ล้านบาท โดยจะมีเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพคลังสินค้า โซลาร์รูฟและโชว์รูมรถยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้ตั้งเป้ารายได้รวมในปีนี้ที่ 17,000 ล้านบาท เติบโต 15-20% และตั้งเป้ารายได้ใน 3-5 ปีข้างหน้าไว้ที่ 20,000 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์ผลการดำเนินงานปี 2568 จะสามารถกลับมามีกำไร ซึ่งสอดคล้องกับก่อนหน้านี้ที่ทางบริษัทได้ประกาศไถ่ถอนหุ้นกู้คืนก่อนกำหนดจำนวน 204 ล้านบาท ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งด้านสภาพคล่องของบริษัท และการรักษาผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริหารของบริษัทให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

*********************