MCA อวดรายได้ทะลุเป้าโต 39.65%

MCA โชว์รายได้รวมปี 2567 แตะ 658.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.65% และมีกำไรสุทธิ 20.44 ล้านบาท จากจำนวนลูกค้าที่ให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 208 บริษัท จำนวนสินค้า 382 แบรนด์ จากการให้บริการพนักงานแนะนำสินค้า บริการจัดเรียงสินค้า การจัดจำหน่ายสินค้าที่เพิ่มขึ้น พร้อมประกาศจ่ายปันผลเงินสดใ นอัตราหุ้นละ 0.045 บาท ขึ้น XD วันที่ 2 พฤษภาคมนี้ ด้านแผนการดำเนินงาน ประกาศขับเคลื่อนธุรกิจ นำนวัตกรรม AI มาใช้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ

               นายภักดี เหล่างาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ MCA  เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 658.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.65% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 20.44 ล้านบาท ขณะที่กำไรขั้นต้น 115.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.24% โดยบริษัทมีลูกค้าที่ให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 208 บริษัท หรือ 382 แบรนด์ ซึ่งมีลูกค้าเพิ่มขึ้น 2 บริษัท หรือ 143 แบรนด์ โดยเป็นลูกค้าเก่าที่ทำงานต่อเนื่องมา 58.74% และมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 41.83% แบรนด์ใหม่เพิ่มขึ้น 35.34% และมีสัญญาจ้างบริการต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 ที่งานยังไม่แล้วเสร็จ รวมมูลค่าทั้งหมด 46 ล้านบาท

               สำหรับการเติบโตของรายได้ดังกล่าว มาจาก 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจบริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัล ธุรกิจบริการบรรจุและจัดส่งสินค้า ธุรกิจบริการบรรจุและจัดส่งสินค้า ธุรกิจบริการพนักงานแนะนำสินค้า ธุรกิจบริการจัดเรียงสินค้า และธุรกิจการจัดจำหน่ายสินค้า ซึ่งทุกธุรกิจในเครือมีการเติลบโตอย่างต่อเนื่อง

               จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายปันผลเงินสดงวดปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.045 บาท โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 กำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568

               สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมในปี 2568 อุตสาหกรรมการตลาดดิจิทัลในปัจจุบันกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การเพิ่มขึ้นของการใช้งานอินเทอร์เน็ตและสื่อโซเชียล ทำให้การโฆษณาออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทต้องยกระดับการพัฒนา โดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Big Data หรือ AI เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น เพื่อให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมการตลาด จึงมุ่งเน้นสร้างความแตกต่าง และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือรูปแบบบริการ ที่สามารถปรับตัวตามเทรนด์ใหม่ๆ ภายใต้การบริหารจัดการต้นทุนที่เหมาะสม

******************