แชร์

ประเด็นร้อน

อัพเดทล่าสุด: 3 ก.ย. 2024
44 ผู้เข้าชม

ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา หลังจากต้องเผชิญกับสารพัดมรสุมที่เข้ามารุมเร้ามายาวนาน ดัชนีฯ อยู่ในช่วงผันผวนมาโดยตลอด แต่ ณ วันนี้ หลายปัจจัยเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เริ่มเห็นแสงสว่างรำไรเข้ามาบ้างแล้ว เริ่มเห็นสัญญาณ Fund flow ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทย หลังต่าชาติแห่พักเงินในตลาดตราสารหนี้ไทยมากขึ้น ด้วยเพราะมีหลายปัจจัยหนุน Flow กลับซื้อหุ้นไทยช่วงที่เหลือปีนี้ อาทิ งบบริษัทจดทะเบียนออกมาดีเกินคาด ภาคการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น

ถึงกระนั้นก็ตาม ภาวะการลงทุนช่วงนี้ ยังคงมีความผันผวนสูงมาก ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนแตกตื่น แต่ขอให้ติดตามข้อมูลให้ดี เพราะมีทั้งความเสี่ยงและเป็นทั้งโอกาส ซึ่งในระยะยาว หากดูภาวะเศรษฐกิจของไทย เชื่อว่ายังอยู่ในจุดที่มีอัพไซด์มากกว่าดาวน์ไซด์ เพราะเริ่มเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นหลายๆ ด้าน อาทิ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ภาครัฐเริ่มมีงบออกมาใช้จ่ายได้ และปัจจัยเศรษฐกิจต่างๆ ก็เริ่มดีขึ้น

มีการประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่ Fund flow จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังเริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย นำไปสู่การขายทำกำไรหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นโลกมากขึ้น ประกอบกับดัชนีหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับต่ำมากแล้ว ส่งผลให้โอกาสที่จะถูกนักลงทุนต่างประเทศเทขายหนักๆ เหมือนหุ้นสหรัฐฯ เป็นไปได้ยาก

นอกจากนี้ พัฒนาการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ มีแนวโน้มดูดีขึ้นกว่าช่วงต้นปี สะท้อนจากภาคการท่องเที่ยว และส่งออกที่มีโมเมนตั้มดีขึ้น ประกอบกับภาครัฐฯ จะเริ่มได้ใช้งบประมาณประจำปีสำหรับการเบิกจ่ายโครงการต่างๆ มากขึ้น

สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้นั้น คือการรายงานกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2/67 หากออกมาดี และดีต่อเนื่องไปจนถึงช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ มีแนวโน้มสูงที่จะช่วยหนุนให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้มากขึ้น

เดิมที่ตลาดประเมินการรายงานงบการเงินไตรมาส 2/67 ของบริษัทจดทะเบียนไม่ได้สูงมากนัก ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่สามารถขยายตัวได้ดีเท่าที่ควร แต่ถ้าช่วงไตรมาส 2/67 บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่สามารถรายงานงบการเงินออกมาได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ก็อาจนำไปสู่การตัดสิจเพิ่มการลงทุนของตาางชาติ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยมากขึ้นด้วยเช่นกัน

สำหรับธีมการไหลกลับเข้ามาของเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้คำแนะนำคือ เน้นทยอยสะสมหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศเข้าสะสมผ่านบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด (NVDR) เป็นหลัก โดยมีถึง 8 บริษัทในกลุ่มดังกล่าวที่ราคาหุ้นช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ยัง Laggard ประกอบด้วย PTTGC, AWC, CRC, AOT, PLANB, KKP, SIRI และ BEM พร้อมแนะนำเข้าสะสมหุ้นขนาดใหญ่ ที่มีแนวโน้มจ่ายเงินปันผล คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) ระดับสูงนขาขึ้น และผลประกอบการยังอยู่ในจุดเร่งตัว อีกทั้งมีแผนระยะกลาง และระยะยาวเชิงรุกที่สุดในกลุ่ม นอกจากนี้ ยังมีอัพไซด์จากดีลในอนาคตที่นักวิเคราะห์ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ

"ลภัสรดา เลิศภานุโรจ" CEO หญิงแกร่งแห่งค่าย MASTER ยังอุบไต๋ถึงแผนธุริจในอนาคตที่จะมีออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ผ่านมาที่มีทั้งการเข้าซื้อกิจการ การร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งล้วนป็นปัจจัยบวกในการต่อยอดธุรกิจทั้งสิ้น และที่สำคัญคือ ในทุกประเด็นที่กล่าวออกมา ย่อมสะท้อนไปยังราคาหุ้นในกระดานให้มีความน่าสนใจโดยตรง โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาในช่วงนี้ นับเป็นโอกาสดีที่จะเข้าทยอยสะสม

ขณะที่มุมมองขอฝนักวิเคราะห์ ต่างให้คำแนะนำเป็นเสียงเดียวกันคือ "ซื้อ"


บทความที่เกี่ยวข้อง
ของจริงรึภาพลวงตา
วันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา เป็นวันที่นักลงทุนต้องจดจำ เพราะมีสถิติใหม่เกิดขึ้นมากมาย คือเป็นวันที่หุ้นไทยพุ่งแรงที่สุดในโลก เงินบาทแข็งค่าที่สุดในเอเซีย ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยมูลค่ากว่า 7.5 พันล้านบาท และดัชนีฯ สามารถกลับมายืนหนือ 1,400 จุดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
9 ก.ย. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy