แชร์

หุ้น NER ปัจจัยบวกรุมเร้ารอบด้าน

อัพเดทล่าสุด: 13 ก.ย. 2024
86 ผู้เข้าชม
หุ้น NER ปัจจัยบวกรุมเร้ารอบด้าน

               หุ้น NER บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ปริมาณการซื้อขายแต่ละวันเพิ่มขึ้นอย่างหนาแน่น ด้วยเพราะบริษัทมีปัจจัยบวกที่โดดเด่นเข้ามามากมาย จากราคายางที่ปรับตัวสูงขึ้น

               ล่าสุด NER ทุ่มงบลงทุนปีนี้เพิ่มเป็น 1,400 ล้านบาท เดินหน้าสร้างโรงงานแห่งที่ 3 โดยการลงทุนก่อสร้างโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 มีกำลังการผลิต 302,400 ตัน ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกจะมีกำลังการผลิต 172,800 ตัน คาดว่าโรงงานจะสร้างเสร็จปลายปี 2567 และเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2568

               ภายหลังจากการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว บริษัทจะมีกำลังการผลิตสินค้ารวมทั้งสิ้น 818,000 ตันต่อปี จากกำลังการผลิตในปัจจุบันที่ 515,600 ตัน เพื่อให้สอดรับกับการเติบโตของอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทมีการขายให้กับลูกค้าไปถึงไตรมาสที่ 2/67 แล้ว

               นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าใหม่เข้ามาเจรจาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งได้รับผลดีจากการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะขยายการลงทุนเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงผู้ผลิตยางล้อที่มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตตามมาด้วย ทำให้สนับสนุนความต้องการการใช้ยางในประเทศให้ปรับตัวสูงขึ้น บริษัทซึ่งเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์หลัก เพราะเดิมมีการส่งออกวัตถุดิบไปยังโรงงานผลิตล้อยางรถยนต์ของประเทศจีนอยู่แล้ว

               ขณะเดียวกัน สถานการณ์ราคายางพาราเริ่มมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด จากภาวะฟื้นตัวของอุตสาหกรรมทั้งตลาดในและต่างประเทศ อาทิ กลุ่มยานยนต์ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีแนวโน้มขยายตัวหนุนความต้องการใช้ยางในภาคก่อสร้าง ซึ่งบริษัทยังได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อ NER ทั้งสิ้น

               ขณะที่นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า คาดว่า ปี 2567 จะเป็นปีที่ดีของ NER จากมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่มและราคายางที่จะปรับตัวได้สูงขึ้นกว่าปีก่อน ราคาเฉลี่ยปีก่อนอยู่ที่ 47 บาท/กก. ซึ่งปัจจุบันราคายางอยู่ที่ 70 บาท/กก. ผลจากจากความกังวลในเรื่องของความขัดแย้งในปีนี้ จะกลับมาเป็นประโยชน์สำหรับ NER ต่อด้านราคาและปริมาณขาย

               ทั้งนี้ คาดการณ์ปี 2567 ตั้งเป้าปริมาณขาย 5.1 แสนตัน ซึ่งปัจจุบันขายล่วงหน้าแล้วไปกว่า 2 แสนตัน ประมาณการยอดขาย 2.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน จากการที่มีลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่ม และราคายางที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีก่อน ด้วยความกังวลจากความขัดแย้งใน red sea และซัพพลายที่คาดว่าจะลดลงในปีนี้ จากปัญหาภัยแล้ง ซึ่งมองว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ ทำให้ดีมานด์ยางยังไม่กลับมาอย่างเต็มที่ หากเศรษฐกิจจีนกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้จะทำให้ความต้องการยางเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้นได้อีกในอนาคต

               ขณะที่ความขัดแย้งใน red sea ทำให้ผู้ขายสินค้าไปยังยุโรปจำเป็นต้องเริ่มกักตุนวัตถุดิบเพิ่มมากขึ้น เพื่อเตรียมรับมือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ปัจจุบันลูกค้ามีผลกระทบจากใช้ระยะเวลาการเดินเรือที่นานขึ้น ซึ่งจีนส่งออกรถ EV มากสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก และตลาดที่สำคัญคือยุโรปที่ต้องการผลักดันเรื่องการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งจีนเป็นลูกค้าหลักของ NER มีสัดส่วนกว่า 65% ของรายได้ ที่ผ่านมาลูกค้าจีนจะเก็บสต๊อกยางราว 1-2 เดือน แต่ปัจจุบันมีการเก็บสต๊อกยางเพิ่มถึง 3-4 เดือน ทำให้ธุรกิจต้นน้ำอย่าง NER ที่มีลูกค้าที่ส่งสินค้าไปยังยุโรปได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ และหากมองในมุมของ NER เองถือว่ากระทบค่อนข้างน้อย เนื่องจากเส้นทางการจัดส่งสินค้ายังอยู่ในเอเชียเป็นหลัก อาทิ จีน ไทย อินเดีย และญี่ปุ่น

               ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น NER ทางฝ่ายประเมินราคาหุ้น โดยใช้ P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี ปรับเพิ่มเป็น 6.5 เท่า โดยปรับคาดการณ์รายได้เพิ่มตามประมาณการของผู้บริหารและราคายางในปัจจุบันที่ปรับตัวขึ้น ปรับกำไรปี 2567 เพิ่มขึ้นอีก 3.4% ปรับราคาพื้นฐานปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็นหุ้นละ 6.15 บาท คงคำแนะนำ "ซื้อ"

               ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มผลประกอบการของ NER โดยบริษัทประกาศเพิ่มกำลังการผลิตอีก 59% มีแผนให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 ใช้เงินลงทุน 1.2 พันล้านบาท จากกระแสเงินสดในบริษัททั้งหมด อีกทั้งบริษัทได้ลูกค้ารายใหญ่ในญี่ปุ่นมาเพิ่ม คาดเริ่มเห็นออเดอร์ตั้งแต่ไตรมาส 2/67 เป็นต้นไป และคาดว่าจะมีรายใหม่เพิ่มตามมา โดยปรับประมาณการกำไรปกติปี 2567 เพิ่มขึ้น 9% จากการปรับเพิ่ม GPM และปรับดอกเบี้ยจ่ายลง

               ส่วนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น NER ปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปี 2567 ต่ำเพียง 4.8 เท่า ได้ราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็นหุ้นละ 6.90 บาท คาดเงินปันผลต่อหุ้นในงวดครึ่งหลังปี่ 2566 ที่ 0.29 บาท ให้ผลตอบแทน 6.3% จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"

***********

โบรกฯ                    คำแนะนำ                             ราคาเป้าหมาย      

บล.หยวนต้า                          ซื้อ                          6.90 บ.

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน                ซื้อ                          6.30 บ.

บล.ฟิลลิป                              ซื้อ                          6.15 บ.

บล.บัวหลวง                          ซื้อ                          6.11 บ.

บล.ทรีนีตี้                              ซื้อ                          6.03 บ.

**********************

บทความที่เกี่ยวข้อง
MPJ ให้ข้อมูลนักลงทุนสถาบัน
MPJ ผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจร เดินสายให้ข้อมูลนักลงทุนสถาบัน ก่อนเสนอขาย IPO จำนวน 53 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai คาดส่งหุ้นลงกระดานเทรดได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
17 ต.ค. 2024
SAK รุกธุรกิจโซลาร์ รูฟท็อป
SAK เดินหน้าขยายไลน์ธุรกิจ จัดตั้งบริษัทย่อย "ศักดิ์สยาม โซลาร์ เอ็นเนอร์ยี่" รุกธุรกิจโซลาร์ รูฟท็อป สำหรับที่อยู่อาศัย มอบประสบการณ์เข้าถึงพลังงานสะอาดให้กับประชาชน เชื่อมต่อการให้บริการสินเชื่ออย่างไร้รอยต่อ เข้าถึงง่าย รวดเร็ว
17 ต.ค. 2024
WICE เดินหน้าขยายฐานโลจิสติกส์
WICE เล็งขยายฐานธุรกิจ ศึกษาแผนลงทุนแดนอิเหนา เวียดนาม พร้อมปรับคาดการณ์รายได้จากต่างประเทศขึ้นเป็น 70% เผยอ้าแขนรับอานิสงส์หลังจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จากการที่มีบริษัทย่อยในแดนมังกร ย้ำผลงานปี 2567 มั่นใจเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
17 ต.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy