COCOCO โอกาสดีในการเข้าสะสม
ราคาหุ้น COCOCO บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) ที่ปรับตัวลดลงแรงในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากความกังวลใน 2 ประเด็นหลัก คือการแข็งค่าของเงินบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้ส่วนใหญ่จากการส่งออก รวมทั้งความกังวลในเรื่องการจัดการเรื่องวัตตถุดิบ คือมะพร้าว ซึ่งเกรงว่าจะมีไม่เพียงพอต่อการผลิต
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของ COCOCO เรียกได้ว่า เข้าสู่ช่วงเร่งของการเติบโต มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นไปจนถึงปีหน้า ซึ่งทางบริษัทยืนยันว่า ได้มีการบริหารจัดการสต็อกสินค้าไว้ ตามปริมาณที่ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างเพียงพอ มีการยริหารจัดการต้นทุนได้เป็นอย่างดีดี สอดคล้องกับแนวโน้มปี 2567 ที่มีอัตราเติบโตที่สูง จากเครื่องจักรผลิตบรรจุภัณฑ์ (PET) ที่เข้าช่วยให้เพิ่มอัตรากำลังผลิต (Utilization rate) น้ำมะพร้าว 25-30%
พร้อมกันนี้ บริษัทได้มีการบริหารความเสี่ยงของค่าเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยบริษัทมีการป้องกันความเสี่ยงด้วยการทำ Forward Contract กับการทำบัญชีป้องกันความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งซื้อล่วงหน้าจากยอดขาย ทั้งจากเอเชีย ตะวันออกกลาง และยอดขายจากแอฟริกาที่มีการเติบโตสูงขึ้น
ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน UOBKH ออกบทวิเคราะห์ ระบุว่า สาเหตุที่ราคาหุ้น COCOCO ปรับตัวลดลง คาดว่าประเด็นหลักมาจากความกังวลเรื่องการแข็งค่าของเงินบาท และประเด็นการจัดการเรื่องวัตถุดิบมะพร้าว หลังจากที่มีพ่อค้าจีนมาซื้อมะพร้าวโดยตรงจากไทยมากขึ้น จากเดิมซื้อที่ประเทศเวียดนามเป็นหลัก
ทั้งนี้ ภาพรวมจากการตรวจสอบถึงปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง มาจากความกังวลใน 2 ประเด็นคือ เงินบาทที่แข็งค่า โดยหลักๆ ในเชิงการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นวิธีการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนให้มีความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด ลดโอกาสที่จะขาดทุนจากความผันผวนของค่าเงิน จากการบริหารรายได้และรายจ่ายที่เป็นเงินตราต่างประเทศให้อยู่ในสกุลเดียวกัน เพราะส่งออกเป็นเงินสกุลดอลล่าสหรัฐ และนำเข้ามะพร้าวจากในอาเซียนเป็นเงินสกุลดอลล่าสหรัฐ
ในด้านการตั้งราคาขายจะเป็นปีต่อปี และบริษัทยังไม่มีนโยบายการปรับราคาลง (ในส่วนของการอ้างอิงราคาใหม่ สะท้อนเงินบาทที่แข็งขึ้นจะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม 2567) เพราะมองตลาดปลายทางยังเติบโตได้อยู่ ทำให้มองว่า จะไม่กระทบต่อปริมาณการส่งออก และประเด็นการจัดการวัตถุดิบมะพร้าว ซึ่งบริษัทยังสามารถบริหารจัดการได้ รวมทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า
สำหรับปัจจุบัน งวดไตรมาส 3/67 คาดว่ายอดขายยังสามารถเติบโตได้ดี และเป็น new high ได้ ส่วนกำไรงวดไตรมาส 3/67 คาดที่ราว 250-260 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 15% จากไตรมาสก่อน และ 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนราคาหุ้นที่ปรับลดลงมานั้น คาดว่าเกิดจากปัจจัยดังกล่าวที่มีผลกระทบในด้านจิตวิทยาการลงทุนเท่านั้น โดยกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น COCOCO ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 16.00 บาทต่อหุ้น จากแนวโน้มกำไรที่ยังเติบโตได้ดี และแผนขยายธุรกิจในปี 2568 ทั้งนี้ คาดระยะสั้นราคาหุ้นอาจถูกกระทบจาก sentiment เชิงลบจากค่าเงินบาทที่กดดัน จึงเป็นจังหวะเข้าสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว
********************