AOT หุ้นเด่นพิมพ์นิยม
จากสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่ประเทศไทยกลับมาเปิดประเทศในปี 2566 การท่องเที่ยวของไทยกลับมาคึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และคาดว่ามีแนวโน้มจะเป็นบวกต่อเนื่อง และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะกลับไปถึงระดับก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิดระบาดได้
นอกจากนี้ ยังได้อานิสงส์จากการที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น จากมาตรการฟรีวีซ่าระหว่างไทยและจีน รวมทั้งความสามารถในการแข่งขันของไทย ในฐานะที่เป็นจุดหมายด้านการท่องเที่ยว จึงพบว่า ทั้งจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงที่เหลือของปีนี้
ในสถานการณ์เช่นนี้ หุ้นที่ได้ประโยน์จากการนี้โดยตรง ซึ่งอยู่ในสายตาของนักวิเคราะห์และนักลงทุน และแน่นอน ย่อมเป็นเป้าของกองทุนวายุภักดิ์ด้วยช่นกัน เพราะมีผลการดำเนินงานที่ดี คงหนีไม่พ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ระบุว่า ประเมินว่า AOT จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 (สิ้นสุดกันยายน 2567) ที่ 4.04 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งสะท้อนถึงประโยชน์ที่ได้รับอย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และตัวเลขการท่องเที่ยวในประเทศที่ทรงตัว แต่ลดลงจากช่วงไตรมาสก่อนหน้าจากการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขรายได้สัมปทานและค่าใช้จ่ายพนักงานช่วงสิ้นปีที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ คาดการณ์จำนวนผู้โดยสาร 14.5 ล้านคน สำหรับไตรมาส 4/67 เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากกลุ่มระหว่างประเทศที่เติบโต 21% ผู้โดยสารในประเทศเพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ในแง่ของการฟื้นตัวเทียบกับระดับปี 2562 ผู้โดยสารระหว่างประเทศอยู่ที่ 87% ในขณะที่ผู้โดยสารในประเทศอยู่ที่ 83% โมเมนตัมของผู้โดยสารในประเทศดีขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่แรงส่งของผู้โดยสารระหว่างประเทศอ่อนแอลงในไตรมาส 3/67 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
สำหรับไตรมาส 4/67 การเปลี่ยนแปลงของรายได้สัมปทานเชื่อมโยงกับการเรียกคืนพื้นที่เชิงพาณิชย์ และการยกเลิก Duty Free ขาเข้า รายได้ขั้นต่ำต่อหัวใหม่สำหรับ Duty Free ที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินภูมิภาคอยู่ที่ 371.6 บาทต่อหัว และ 184.8 บาทต่อหัว ตามลำดับ (คำนวณจากผู้โดยสารขาออกการแวะพักเครื่องระหว่างทางและต่อเครื่อง)
อย่างไรก็ตาม ได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567-69 ลง 10-15% ตามตัวเลขประมาณการล่าสุดของไตรมาส 4/67 และการคาดการณ์รายได้สัมปทานที่เกี่ยวข้องกับ Duty Free หลังจากปรับการประเมินมูลค่าไปยังปี 2568 โดยได้มูลค่าที่เหมาะสมใหม่ที่หุ้นละ 75.00 บาท พร้อมยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ประเมินกำไรไตรมาส 4/67 ที่ 3.9 พันล้านบาท โดยยังคงเติบโตดีจากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นเป็น 29 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเติบโตจากผู้โดยสารระหว่างประเทศที่จะดีขึ้นเป็น 18 ล้านคน ยังทำได้ดีแม้จะเป็นช่วงโลซีซั่นของการท่องเที่ยว ส่วนผู้โดยสารในประเทศจะอยู่ที่ 11 ล้านคน
ขณะที่กำไรจะลดลงจากช่วงไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเริ่มได้รับผลกระทบจากการขอคืนพื้นที่บางส่วนจากคิงเพาเวอร์ รวมถึงการยกเลิกดิวตี้ฟรีขาเข้า ทำให้รายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ลดลง ดังนั้น ส่งผลให้งวดปี 2567 (ต.ค.66-ก.ย.67) จะยังมีกำไรสุทธิใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 114% จากปีก่อน
ส่วนปี 2568 ยังคงประมาณการกำไรที่ 2.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อนหน้า โดยประเมินจำนวนผู้โดยสารที่ 132 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เติบโตจากผู้โดยสารระหว่างประเทศที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 82 ล้านคน และกลับไปใกล้เคียงปี 2562 ก่อนโควิดที่มีผู้โดยสารทำสถิติสูงสุดที่ 84 ล้านคน โดยจะได้ปัจจัยหนุนจากการเปิด Runway 3 สนามบินสุวรรณภูมิเกือบเต็มปี ทำให้รองรับจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารได้เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่หุ้นละ 72.00 บาท โดยยังประเมินว่า ราคาหุ้นจะกลับมา outperform ได้ดีขึ้นในช่วงไตรมาส 1-2 ของปี ที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว รวมถึงภาครัฐอยู่ระหว่างพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารให้ AOT ได้
************************
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย
บล.ทิสโก้ ซื้อ 75.00 บ.
บล.ดาโอ ซื้อ 72.00 บ.
บล.เคจีไอ ซื้อ 72.00 บ
บล.ฟิลลิป ซื้อ 72.00 บ.
************************