แชร์

AOT หุ้นเด่นพิมพ์นิยม

อัพเดทล่าสุด: 6 ต.ค. 2024
30 ผู้เข้าชม
AOT หุ้นเด่นพิมพ์นิยม

               จากสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่ประเทศไทยกลับมาเปิดประเทศในปี 2566 การท่องเที่ยวของไทยกลับมาคึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และคาดว่ามีแนวโน้มจะเป็นบวกต่อเนื่อง และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะกลับไปถึงระดับก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิดระบาดได้

               นอกจากนี้ ยังได้อานิสงส์จากการที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น จากมาตรการฟรีวีซ่าระหว่างไทยและจีน รวมทั้งความสามารถในการแข่งขันของไทย ในฐานะที่เป็นจุดหมายด้านการท่องเที่ยว จึงพบว่า ทั้งจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงที่เหลือของปีนี้

               ในสถานการณ์เช่นนี้ หุ้นที่ได้ประโยน์จากการนี้โดยตรง ซึ่งอยู่ในสายตาของนักวิเคราะห์และนักลงทุน และแน่นอน ย่อมเป็นเป้าของกองทุนวายุภักดิ์ด้วยช่นกัน เพราะมีผลการดำเนินงานที่ดี คงหนีไม่พ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT

               นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ระบุว่า ประเมินว่า AOT จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 (สิ้นสุดกันยายน 2567) ที่ 4.04 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งสะท้อนถึงประโยชน์ที่ได้รับอย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และตัวเลขการท่องเที่ยวในประเทศที่ทรงตัว แต่ลดลงจากช่วงไตรมาสก่อนหน้าจากการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขรายได้สัมปทานและค่าใช้จ่ายพนักงานช่วงสิ้นปีที่สูงขึ้น

               ทั้งนี้ คาดการณ์จำนวนผู้โดยสาร 14.5 ล้านคน สำหรับไตรมาส 4/67 เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากกลุ่มระหว่างประเทศที่เติบโต 21% ผู้โดยสารในประเทศเพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ในแง่ของการฟื้นตัวเทียบกับระดับปี 2562 ผู้โดยสารระหว่างประเทศอยู่ที่ 87% ในขณะที่ผู้โดยสารในประเทศอยู่ที่ 83% โมเมนตัมของผู้โดยสารในประเทศดีขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่แรงส่งของผู้โดยสารระหว่างประเทศอ่อนแอลงในไตรมาส 3/67 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

               สำหรับไตรมาส 4/67 การเปลี่ยนแปลงของรายได้สัมปทานเชื่อมโยงกับการเรียกคืนพื้นที่เชิงพาณิชย์ และการยกเลิก Duty Free ขาเข้า รายได้ขั้นต่ำต่อหัวใหม่สำหรับ Duty Free ที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินภูมิภาคอยู่ที่ 371.6 บาทต่อหัว และ 184.8 บาทต่อหัว ตามลำดับ (คำนวณจากผู้โดยสารขาออกการแวะพักเครื่องระหว่างทางและต่อเครื่อง)

อย่างไรก็ตาม ได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567-69 ลง 10-15% ตามตัวเลขประมาณการล่าสุดของไตรมาส 4/67 และการคาดการณ์รายได้สัมปทานที่เกี่ยวข้องกับ Duty Free หลังจากปรับการประเมินมูลค่าไปยังปี 2568 โดยได้มูลค่าที่เหมาะสมใหม่ที่หุ้นละ 75.00 บาท พร้อมยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"

               ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ประเมินกำไรไตรมาส 4/67 ที่ 3.9 พันล้านบาท โดยยังคงเติบโตดีจากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นเป็น 29 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเติบโตจากผู้โดยสารระหว่างประเทศที่จะดีขึ้นเป็น 18 ล้านคน ยังทำได้ดีแม้จะเป็นช่วงโลซีซั่นของการท่องเที่ยว ส่วนผู้โดยสารในประเทศจะอยู่ที่ 11 ล้านคน

               ขณะที่กำไรจะลดลงจากช่วงไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเริ่มได้รับผลกระทบจากการขอคืนพื้นที่บางส่วนจากคิงเพาเวอร์ รวมถึงการยกเลิกดิวตี้ฟรีขาเข้า ทำให้รายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ลดลง ดังนั้น ส่งผลให้งวดปี 2567 (ต.ค.66-ก.ย.67) จะยังมีกำไรสุทธิใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 114% จากปีก่อน

               ส่วนปี 2568 ยังคงประมาณการกำไรที่ 2.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อนหน้า โดยประเมินจำนวนผู้โดยสารที่ 132 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เติบโตจากผู้โดยสารระหว่างประเทศที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 82 ล้านคน และกลับไปใกล้เคียงปี 2562 ก่อนโควิดที่มีผู้โดยสารทำสถิติสูงสุดที่ 84 ล้านคน โดยจะได้ปัจจัยหนุนจากการเปิด Runway 3 สนามบินสุวรรณภูมิเกือบเต็มปี ทำให้รองรับจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารได้เพิ่มมากขึ้น

               อย่างไรก็ตาม ยังแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่หุ้นละ 72.00 บาท โดยยังประเมินว่า ราคาหุ้นจะกลับมา outperform ได้ดีขึ้นในช่วงไตรมาส 1-2 ของปี ที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว รวมถึงภาครัฐอยู่ระหว่างพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารให้ AOT ได้

************************

โบรกฯ     คำแนะนำ              ราคาเป้าหมาย      

บล.ทิสโก้                ซื้อ                          75.00 บ.

บล.ดาโอ                ซื้อ                          72.00 บ.

บล.เคจีไอ               ซื้อ                          72.00 บ

บล.ฟิลลิป               ซื้อ                          72.00 บ.

************************

บทความที่เกี่ยวข้อง
MPJ ให้ข้อมูลนักลงทุนสถาบัน
MPJ ผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจร เดินสายให้ข้อมูลนักลงทุนสถาบัน ก่อนเสนอขาย IPO จำนวน 53 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai คาดส่งหุ้นลงกระดานเทรดได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
17 ต.ค. 2024
SAK รุกธุรกิจโซลาร์ รูฟท็อป
SAK เดินหน้าขยายไลน์ธุรกิจ จัดตั้งบริษัทย่อย "ศักดิ์สยาม โซลาร์ เอ็นเนอร์ยี่" รุกธุรกิจโซลาร์ รูฟท็อป สำหรับที่อยู่อาศัย มอบประสบการณ์เข้าถึงพลังงานสะอาดให้กับประชาชน เชื่อมต่อการให้บริการสินเชื่ออย่างไร้รอยต่อ เข้าถึงง่าย รวดเร็ว
17 ต.ค. 2024
WICE เดินหน้าขยายฐานโลจิสติกส์
WICE เล็งขยายฐานธุรกิจ ศึกษาแผนลงทุนแดนอิเหนา เวียดนาม พร้อมปรับคาดการณ์รายได้จากต่างประเทศขึ้นเป็น 70% เผยอ้าแขนรับอานิสงส์หลังจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จากการที่มีบริษัทย่อยในแดนมังกร ย้ำผลงานปี 2567 มั่นใจเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
17 ต.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy