แชร์

COCOCO แกร่ง ปัจจัยบวกรอบด้าน

อัพเดทล่าสุด: 10 ต.ค. 2024
58 ผู้เข้าชม
COCOCO แกร่ง ปัจจัยบวกรอบด้าน

               หุ้นกลุ่มเครื่องดื่มที่เน้นการส่งออกไปตลาดต่างประเทศเริ่มฟื้นตัว โดยได้แรงหนุนจากภาพใหญ่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ประคองได้ดีกว่าตลาดคาด ขณะที่ประเทศจีน มีสัญญาณฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด ผสานกำลังซื้อในประเทศมีสัญญาณทางบวก โดยเฉพาะการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลปลายปี นับเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มในกลุ่มนี้ ทั้ง COCOCO, MALEE และ PLUS

               แต่สำหรับหุ้นที่เน้นการส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งมีกำลังซื้อสูง และเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ที่ส่งออกไปยังจีน ก็คือ COCOCO บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) โดยมียอดส่งออกไปยังประเทศจีนถึง 60% และสหรัฐฯ 22% ของยอดขาย

               จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หุ้น COCOCO จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะได้รับปัจจัยบวก จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ของทั้งจีนและสหรัฐฯ ที่เป็นแรงหนุนให้ผลงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นหุ้นที่โดดเด่นกว่ากลุ่ม จากกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นมีค่า PE ปี 2568 ที่น่าสนใจ อยู่ที่เพียง 15.4 เท่า สอดคล้องหุ้นเครื่องดื่มเน้นส่งออก รับประโยชน์ตัวเลขส่งออกที่ฟื้นตัวช่วยสนับสนุน

               นอกจากในเชิงพื้นฐานแล้ว หุ้น COCOCO ยังมีประเด็นที่น่าสนใจ คือมีโอกาสที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประกาศการคัดเลือกนำหุ้นเข้าออก SET100 รอบนี้ในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ โดยที่หุ้น COCOCO เป็น 1 ใน 3 หุ้นที่คาดว่าจะได้เข้าดัชนี SET100

               ขณะที่นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า ภาพรวมยังคงมีมุมมองบวกต่อ COCOCO จากการติดตามถึงแนวโน้มของผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/67 ที่คาดจะยังสามารถทำ new high ได้ เบื้องต้นยังคาดที่ราว 250-260 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 15% จากไตรมาสก่อน และ 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ในส่วนผลกระทบค่าเงินบาทแข็งค่า จากการตรวจสอบ ถือว่ายังไม่มีนัยสำคัญมาก

               ทั้งนี้ ทางผู้บริหารประเมินยอดขายปี 2568 มีโอกาสทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายเดิมปี 2568-69 ที่ 8.4 พันล้านบาท และ 1 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ เบื้องต้นคิดเป็น upside จากประมาณการปี 2568 และที่ตลาดคาดราว 15-20% อย่างไรก็ตาม ประเมินเบื้องต้นยังต้องติดตามผลกระทบต่อยอดขาย หากบริษัทมีการปรับราคาใหม่ เพื่อสะท้อนต้นทุนและค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากขึ้น แต่สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น COCOCO  ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" จากแนวโน้มกำไรที่ยังเติบโตได้ดี และแผนขยายธุรกิจในปี 2568 โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 16.00 บาทต่อหุ้น

               ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี มีมุมมองต่อหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มที่เน้นการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะ COCOCO ที่เริ่มฟื้นตัว ได้แรงหนุนจากภาพใหญ่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สามารถประคองได้ดีกว่าที่ตลาดคาด ขณะที่จีนมีสัญญาณฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด ผสานกำลังซื้อในประเทศที่มีสัญญาณทางบวก โดยเฉพาะการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลปลายปี ซึ่ง COCOCO มีสัดส่วนส่งออกไปจีนถึง 60% และสหรัฐฯ 22% ของยอดขาย

               นอกจากนี้ ประเมินว่า หุ้น COCOCO เป็น 1 ใน 3 หุ้นที่คาดว่าจะได้เข้า SET100 รอบนี้เช่นเดียวกับ CCET และ JTS โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2567 และมีผลเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 สำหรับผลการคำนวณในรอบนี้ ใช้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาตคม 2566 ถึง 30 กันยายน 2567

               ส่วนนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า หุ้น COCOCO มีจุดแข็งเรื่องของผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับต่อตลาดโลก ทำให้สามารถขยายตลาดต่างประเทศได้รวดเร็ว อีกทั้งจากการขยายฐานผลิตขวด PET สำหรับน้ำมะพร้าว จากกำลังผลิตเดิมที่ 7.4 หมื่นตันเป็น 1.8 แสนตัน รองรับความต้องการของการขยายตลาดได้มากขึ้น และจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในปี 2568 ขยายตัวอย่างโดดเด่น โดยคาดกำไรสุทธิปี 2567-68 ที่ 875 ล้านบาท และ 1,157 ล้านบาท เติบโต 71% และ 32% จากปีก่อนตามลำดับ โดยการเติบโตมาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากขวด PET ที่เพิ่มขึ้น และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งจะส่งผลให้ GPM ของบริษัทสูงขึ้น

               ปัจจุบันหุ้น COCOCO เทรดอยู่บน PE ปี 2567 ที่ 20 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มไทย 5 บริษัทที่อยู่ที่ 20.9 เท่า อย่างไรก็ตาม สำหรับ COCOCO ในปี 2568 ค่า PE ยิ่งน่าสนใจ โดยอยู่ที่ 15.4 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 17.3 เท่า โดยมองว่า ราคาเหมาะสมควรสูงกว่าค่าเฉลี่ย PE ของกลุ่ม จากการเติบโตที่โดดเด่นกว่ากลุ่ม จากกำไรที่เติบโตเด่นกว่ากลุ่ม

               จากปัจจัยดังกล่าว กลยุทธ์การลงทุนในหุ้น COCOCO  จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 15.00 บาท โดยมองว่า หุ้นมีปัจจัยพื้นฐานที่น่าสนใจ ทั้งการเติบโตต่อเนื่องของการบริโภคเครื่องดื่มน้ำผลไม้และจากพืช โดยตลาดเครื่องดื่มผลไม้โลกมีการเติบโตมาก จากเทรนด์การรักสุขภาพมากขึ้น

**********************

โบรกฯ              คำแนะนำ        ราคาเป้าหมาย

บล.ฟิลลิป               ซื้อ           15.80 บาท

บล.พาย                  ซื้อ           15.30 บาท

บล.หยวนต้า           ซื้อ           15.30 บาท

บล.ดาโอ                 ซื้อ           15.00 บาท

*************************

บทความที่เกี่ยวข้อง
MPJ ให้ข้อมูลนักลงทุนสถาบัน
MPJ ผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจร เดินสายให้ข้อมูลนักลงทุนสถาบัน ก่อนเสนอขาย IPO จำนวน 53 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai คาดส่งหุ้นลงกระดานเทรดได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
17 ต.ค. 2024
SAK รุกธุรกิจโซลาร์ รูฟท็อป
SAK เดินหน้าขยายไลน์ธุรกิจ จัดตั้งบริษัทย่อย "ศักดิ์สยาม โซลาร์ เอ็นเนอร์ยี่" รุกธุรกิจโซลาร์ รูฟท็อป สำหรับที่อยู่อาศัย มอบประสบการณ์เข้าถึงพลังงานสะอาดให้กับประชาชน เชื่อมต่อการให้บริการสินเชื่ออย่างไร้รอยต่อ เข้าถึงง่าย รวดเร็ว
17 ต.ค. 2024
WICE เดินหน้าขยายฐานโลจิสติกส์
WICE เล็งขยายฐานธุรกิจ ศึกษาแผนลงทุนแดนอิเหนา เวียดนาม พร้อมปรับคาดการณ์รายได้จากต่างประเทศขึ้นเป็น 70% เผยอ้าแขนรับอานิสงส์หลังจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จากการที่มีบริษัทย่อยในแดนมังกร ย้ำผลงานปี 2567 มั่นใจเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
17 ต.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy