STA สู่โหมดการเติบโตรอบใหม่
หุ้น STA บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) กำลังกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทนอีกครั้ง เพราะมีประเด็นบวกที่น่าสนใจ หลังประกาศผลงานงวดไตรมาส 3/67 ออกมาเป็นที่น่าประทับใจ สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากปริมาณการขายยางธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และราคาขายยางเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง
บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 31,618.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 517.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 226.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ประเด็นที่ตลาดกังวลว่าจะเลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย EUDR หรือไม่นั้น ไม่ว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน ย่อมไม่มีผลกระทบกับคำสั่งซื้อของลูกค้าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากขณะนี้เริ่มเห็นคำสั่งซื้อเข้ามาแล้ว และลูกค้าเริ่มแข่งขันกันทำการตลาดด้วยยาง EUDR หากใครสามารถทำได้ก่อนก็จะชิงมาร์เก็ตแชร์ได้ก่อน
*** มุมมองนักวิเคราะห์
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า ระบุว่า กำไร STA ในไตรมาส 3/67 เร่งตัวขึ้นจาก 2 ธุรกิจหลักคือ ธุรกิจยางพาราและถุงมือยาง โดยปริมาณการขายยาง EUDR เร่งตัวขึ้น เริ่มเห็นกลุ่มลูกค้าจีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น หันมาซื้อยาง EUDR เพิ่มขึ้น อีกทั้งปัจจุบันราคายาง SICOM ปรับตัวขึ้นจากไตรมาส 2/67 ช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้น
ขณะที่ธุรกิจถุงมือยาง ความต้องการดีขึ้นรับอานิสงส์จากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จีน บราซิล ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อมาที่ไทยมากขึ้น และสามารถปรับราคาขายขึ้นตามต้นทุน
ส่วนธุรกิจยางพารา แม้ปริมาณการขายน่าจะทรงตัวจากไตรมาส 2/67 แต่ราคาขายเฉลี่ยคาดปรับตัวขึ้นตามราคายาง SICOM เป็น 175-180 เซนต์ต่อกิโลกรัม จากไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 168 เซนต์ต่อกิโลกรัม และสัดส่วนปริมาณขายยาง EUDR คาดจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 45,000-50,000 ตัน คิดเป็น 20-25% ของปริมาณการขายทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ Product Mix ของ STA ดีขึ้นอย่างชัดเจน และเป็นปัจจัยหนุนต่ออัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) โดยคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นเป็น 11-12% ในธุรกิจยางพารา อีกทั้งยังเริ่มเห็นสัญญาณลูกค้าฝั่งจีน สหรัฐฯ มีคำคำสั่งซื้อยาง EUDR เข้ามามากขึ้น สะท้อนว่าไม่ใช่แค่ลูกค้ายุโรปที่มีความต้องการยางชนิดนี้
ธุรกิจถุงมือยาง ในไตรมาส 3/67 แนวโน้มกำไรยังดีต่อเนื่อง จากออเดอร์ที่เลื่อนมาจากไตรมาส 2/67 และดีมานด์ถุงมือยางยังได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จีน บราซิล ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อมาที่ไทยมากขึ้น
คาดกำไรปกติในไตรมาส 4/67 จะเร่งตัวขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 11 ไตรมาส จากการเติบโตทั้งจากธุรกิจยางพารา ทั้งด้านปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ย และาดธุรกิจถุงมือยางฟื้นตัวเช่นกัน อีกทั้งมองราคายางในตลาด SICOM ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นในปี 2568 ขณะที่การเลื่อน EUDR จะมีผลกระทบเพียงแค่ 6 เดือนในช่วงครึ่งแรกปี 2568
ส่วนคงวามเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ปัจจุบันซื้อขายที่ PBV ปี 2568 เพียง 0.56 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีต และยัง Laggard มากเมื่อเทียบกับราคายางที่เท่ากันในอดีต ราคาหุ้นปรับลงมา 22% ในรอบ 2 เดือน มองว่าสะท้อนปัจจัยลบจากการเลื่อนกฎ EUDR มากเกินไป
คงคำแนะนำ "ซื้อ" คงราคาเหมาะสมที่ 33.70 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันคาดหวัง Div yield สูง 8.2% ช่วยจำกัด Downside risk คาดราคาหุ้นมีโอกาสทยอยฟื้นตัวหลังประเด็น EUDR มีความชัดเจนแล้ว
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ ระบุว่า คาดการณ์กำไรของ STA ในปี 2567-68 ที่ 2.32 พันล้านบาท และ 2.9 พันล้านบาท ตามลำดับ โดยมียอดสั่งซื้อยาง EUDR จะเป็นตัวหนุน Gross Margin ให้อยู่สูงกว่า 10% คาดสัดส่วนยอดขายจากกลุ่มลูกค้ายุโรปจะสูงขึ้นจากกลุ่ม EUDR ในขณะที่กลุ่ม Non-EU ที่มีการส่งสินค้าไปยังยุโรปเริ่มมีการซื้อยาง EUDR จาก STA เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ คาด Order ยาง EUDR ที่ 40,000-50,000 ตันต่อไตรมาส ไปจนถึงช่วงครึ่งแรกปี 2568 โดยคาด Order ยาง EUDR จะกลับมาเติบโตอีกทีช่วงเดือนมิถุนายน 2568
อย่างไรก็ตาม การเลื่อนใช้มาตรฐาน EUDR ส่งผลให้กลุ่มลูกค้า Non Conventional สั่งซื้อยาง EUDR ลดลง โดยคาดว่า Order ยาง EUDR จะกลับมาอีกครั้งช่วงเดือนมิถุนายน 2568 ขณะที่สถานการณ์ยางธรรมชาติ ในปี 2567-68 ยังคงคาดว่า Global Supply ยังคงอยู่ในช่วงขาลง โดยกําลังการผลิตจากอินโดนีเซียยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ Supply จาก Ivory Coast มีการปรับตัวสูงขึ้น แต่ยางที่ผ่านมาตรฐาน EUDR มีไม่มาก และในอนาคตพื้นที่ปลูกยางมีโอกาสถูกทดแทนโดย Cacao หลังจากผลผลิต Cacao มีราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนํา "ซื้อเก็งกําไร" ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่หุ้นละ 27.50 บาท
ขณะที่นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า คาด STA จะได้อานิสงส์จากราคายางที่คาดว่าจะยังปรับขึ้นในปี 2568 จากภาวะ Supply Deficit ของโลกจากกำลังการผลิตใหม่ที่จำกัด ส่วนมาตรฐาน EUDR แม้จะถูกเลื่อนเป็นสิ้นปี 2568 แต่มองคำสั่งซื้อจะเร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ส่วนกรณี Trade War มีโอกาสหนุนคำสั่งซื้อถุงมือยางจากไทยมากขึ้น
ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 2.5 พันล้สานบาท เพิ่มขึ้น 43% จากปีก่อน จากปริมาณการขายขายธรรมชาติและถุงมือยางที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาขายถุงมือยางคาดปรับขึ้นตาม SICOM ส่วน EUDR ปัจจุบันยัง Conservative ในด้าน Gross Margin โดยใช้สมมติฐานเดียวกับยาง Non-EUDR แต่ถือเป็น Upside ของประมาณการ และยังคงให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่หุ้นละ 23 บาท
ส่วนนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี ระบุว่า มีมุมมอง Negative ต่อกำไรปกติในงวดไตรมาส 3/67 ของ STA ที่ 797 ล้านลาท พลิกจากขาดทุน 519 ล้านบาทในไตรมาส 3/66 เพิ่มขึ้น 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ต่ำกว่าที่คาด เพราะ GPM ธุรกิจถุงมือยางลดลงแรง จากผลกระทบค่าเงินบาทแข็งค่าเร็ว ทำให้ผลักราคาขายได้บางส่วน ขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดกำไรปกติลดลงจากไตรมาสก่อน เพราะลูกค้าชะลอการเร่งสั่งซื้อยางในเดือนธันวาคม อีกทั้งราคายางผันผวน จากข่าวการเสนอเลื่อนการบังคับใช้ยาง EUDR ดังนั้น จึงแนะนำเพียง Trading Buy ราคาเหมาะสมปี 2568 ที่หุ้นละ 22.20 บาท
*******************
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย
บล.หยวนต้า ซื้อ 33.70 บ.
บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 27.50 บ.
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 23.00 บ.
บล.กรุงศรี ซื้อเก็งกำไร 22.20 บ.
***********************