แนะ "ซื้อ" หุ้น PTG รับปัจจัยบวกรอบด้าน
หุ้น PTG บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) กลับมาอยู่ในเรดาร์ของบรรดานักวิเคราะห์อีกครั้ง หลังจากที่ได้ประเมินกันถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/67 ที่มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง มีปัจจัยบวกรอบด้าน จากปริมาณยอดขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจ Non-Oil ที่ได้อานิสงส์จากช่วง High Season ของการท่องเที่ยว รวมทั้งได้แรงส่งจากกลยุทธ์ PT Max Card ซึ่งล้วนเป็นแรงหนุนที่ช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นในการ Spin off บริษัทลูกคือ ATLAS ซึ่งทำธุรกิจ LPG เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2568 โดยปัจจุบันได้ยื่น Filing เรียบร้อยแล้ว และ Punthai ธุรกิจร้านกาแฟ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม Spin-off ในอนาคต ซึ่งประเด็นเหล่านี้ ล้วนเป็นการสร้างความน่าสนใจในการลงทุนในหุ้น PTG ทั้งสิ้น โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาในช่วงก่อนหน้านี้ จึงเป็นโอกาสดีในการเข้าสะสม และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ยังคงให้คำแนะนำ "ซื้อ"
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG จะฟื้นตัวจาก High season ของการท่องเที่ยว รวมไปถึงผ่านช่วงฤดูฝนตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ถือเป็นปัจจัยหนุนยอดขายน้ำมันให้กลับมาฟื้นตัว ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าจะได้เห็นยอดขายในไตรมาส 4/67 เติบโต 8-10% จากไตรมาสก่อน
นอกจากนี้ Traffic ในการเข้าสถานีบริการที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้จากธุรกิจ Non-Oil เติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ด้วยเช่นกัน ขณะที่สมมติฐานค่าการตลาดที่ 1.7 บาทต่อลิตร ยังมีความเป็นไปได้และอยู่ในกรอบเป้าหมายของบริษัทที่ 1.7-1.8 บาทต่อลิตรในปี 2567
จากกรณีดังกล่าว กลยุทธ์การลงทุนในหุ้น PTG จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่หุ้นละ 12.70 บาท อ้างอิง P/E เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ระดับ 17.8 เท่า โดยระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของผลประกอบการไตรมาส 4/67 ทำให้ PTG กลับมามีความน่าสนใจในการลงทุน อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวหลังจากที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มกว่า 23% ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ตามที่ผู้บริหารบริษัทคาดการณ์ไตรมาส 4/67 ปริมาณขายน้ำมันเติบโตขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสก่อน จากอุปสงค์ฟื้นตัวตามฤดูกาล และน้ำท่วมคลี่คลาย คงเป้าหมายทั้งปีเติบโต 10-15% เมื่อเทียบปีก่อน ขณะที่ในไตรมาส 4/67 คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจน้ำมันต่อลิตรสูงขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสก่อน จาก 1.65 บาทต่อลิตรในไตรมาส 3/67 และคาดการณ์ทั้งปีเฉลี่ยที่ 1.7-1.8 บาทต่อลิตร ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่า แม้ต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จะปรับตัวขึ้นจากค่าใช้จ่ายช่วงปลายปีและการเร่งขยายสาขาธุรกิจ Non-Oil แต่คาดกำไรปกติจะเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยได้รับปัจจัยบวกจากยอดขายน้ำมันเร่งตัวตามปัจจัยฤดูกาล ทั้งกิจกรรมเดินทางท่องเที่ยวช่วงปลายปีและผ่านพ้นฤดูมรสุม กลยุทธ์บัตรสมาชิก PT Max Card อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจน้ำมันปาล์มมีโอกาสเร่งตัวจากการพุ่งขึ้นของราคา CPO แตะระดับสูงสุดรอบกว่า 2 ปี
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรปี 2568 ของ PTG จะเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับปีก่อน ตามปริมาณสาขาธุรกิจ Oil และ Non-Oil, ภาคท่องเที่ยวขยายตัว, กลยุทธ์ PT Max Card, แรงกดดันค่าการตลาดต่ำลงจากทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกชะลอตัว และเงินบาทแข็งค่า โดยในช่วง 6 เดือนข้างหน้าคาดผลประกอบการไตรมาส 4/67 ถึงไตรมาส 1/68 ดีขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล
ขณะที่ความเคลื่อนไหสของราคาหุ้น PTG นับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง ถือว่าสะท้อนความอ่อนแอของไตรมาส 3/67 ไปแล้ว ซึ่งราคาปัจจุบันถือว่ามี Upside gain เปิดกว้าง โดยทางพื้นฐานปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "ซื้อ" ให้ราคาเหมาะสมที่ 11.00 บาทต่อหุ้น
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าแผน Spin off บริษัทลูกคือ ATLAS ซึ่งทำธุรกิจ LPG ในปี 2568 โดยปัจจุบันได้ยื่น Filing เรียบร้อยแล้ว และ Punthai ธุรกิจร้านกาแฟ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม Spin-off ในอนาคต
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คงประมาณการกำไรของ PTG ในปี 2567 ที่ 1,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อน จากค่าการตลาดที่ระดับปกติ 1.7 บาทต่อลิตร แม้ในช่วงไตรมาส 3/67 จะเป็นช่วง Low Season หน้าฝน ปริมาณการใช้น้ำมันลดลง นอกจากนี้ ระยะสั้นอาจจะมีความเสี่ยงเรื่องกฎหมายบริหารโครงสร้างราคา ซึ่งอาจจะส่งผลต่อ Margin ต่อลิตรของบริษัทได้ แต่จะกลับมาโดดเด่นในช่วงไตรมาส 4/67 โดย Non-Oil ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปริมาณจำหน่ายน้ำมันต่อสถานีบริการที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทเน้นปริมาณ Traffic ที่จะเข้ามาใช้บริการมากกว่าการขยายจำนวนสถานีบริการ
ส่วนความเหมาะสมของราคาหุ้น PTG คงราคาเป้าหมายปี 2568 ไว้ที่หุ้นละ 11.00 บาท อิง PER ที่ 14.5 เท่า และคงคำแนะนำ Trading Buy โดยแนวโน้มระยะสั้นอาจถูกกดดันจากผลการดำเนินงานที่อ่อนตัว แต่เป็นจังหวะซื้อช่วงไตรมาส 4/67 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการบริโภคน้ำมันมากจากช่วงวันหยุดยาว
****************************
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ซื้อ 12.70 บ.
บล.หยวนต้า ซื้อ 11.00 บ.
บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 11.00 บ.
****************************